ผู้เขียน หัวข้อ: 3 ผลตอบแทนกองทุนรวม ที่นักลงทุนมือใหม่ควรมองหา!  (อ่าน 648 ครั้ง)

w.cassie

  • บุคคลทั่วไป
3 ผลตอบแทนกองทุนรวม ที่นักลงทุนมือใหม่ควรมองหา!


มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ให้ฝากเงินประจำอย่างเดียวทุกเดือนอาจให้ผลตอบแทนที่ไม่ดีเท่าที่ควร หลายคนจึงมองหาวิธีการสร้างกำไรที่ความเสี่ยงยังอยู่ในระดับที่พอรับได้อย่างการลงทุนในกองทุนรวม อย่างไรก็ตาม ทุกๆ การลงทุนนั้นนับว่ามีความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนควรศึกษาหาข้อมูลให้ดี โดยในวันนี้เรามี 3 ผลตอบแทนกองทุนรวมที่นักลงทุนมือใหม่ควรศึกษาไว้ เพราะหากขาดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งไปอาจทำให้คุณเสียประโยชน์โดยไม่รู้ตัว


1. ผลต่างมูลค่าหน่วยลงทุน

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือมูลค่าหน่วยลงทุน โดยผลตอบแทนกองทุนรวมจะมาจากส่วนต่างของราคาที่เราซื้อและขายหน่วยลงทุนนั่นเอง ซึ่งหากเราขายหน่วยลงทุนในราคาที่มากกว่าตอนที่เราซื้อก็เท่ากับว่าเราได้กำไร หากซื้อมาแพงแต่ขายได้ในราคาถูกก็เท่ากับว่าเราขาดทุนในแง่ผลต่างของราคา ดังนั้น เพื่อให้ได้ผลกำไรที่ดีควรลงทุนในกองทุนที่คาดว่าราคาจะปรับขึ้นในอนาคต เช่น กองทุนรวมน้ำมัน หรือกองทุนรวมสินค้าทางการเกษตร เป็นต้น

2. กองทุนรวมประเภทมีเงินปันผล

ผลตอบแทนกองทุนที่นักลงทุนมือใหม่ควรศึกษาคือเรื่องของเงินปันผล ปัจจุบันหลายๆ กองทุนเน้นนโยบายการจ่ายเงินปันผล ซึ่งกองทุนประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินระหว่างลงทุน หรือผู้ที่ไม่ต้องการติดตามราคาขึ้นลงของหน่วยลงทุนมากนัก โดยผลกำไรที่กองทุนทำได้จะถูกจัดสรรและจ่ายคืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนตามที่กำหนดไว้ในนโยบายกองทุน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าราคากองทุนจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงผู้ถือหน่วยลงทุนก็ยังได้รับเงินปันผลตามที่หนังสือชี้ชวนกำหนดไว้

ทั้งนี้ การลงทุนกับกองทุนรวมประเภทปันผลเพื่อรับผลตอบแทนกองทุนนั้น ควรเลือกกองทุนที่มีแนวโน้มว่าจะมีรายได้เข้ามาแน่นอน และสามารถมั่นใจได้ว่าจะมีเงินปันผลออกมาอย่างสม่ำเสมอ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

3. สิทธิในการลดหย่อนภาษี

ปิดท้ายด้วยผลตอบแทนกองทุนที่นับว่าโดนใจมนุษย์เงินเดือนสุดๆ กับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี โดยการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RTF) นั้นสามารถนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้ในปีที่มีการลงทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดการลดหย่อนให้ดีก่อน เนื่องจากจะต้องทำตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของสรรพากรในด้านระยะเวลาการถือครอง โดยกองทุน LTF นั้น ผู้ลงทุนจะไถ่ถอนได้เมื่อถือหน่วยลงทุนครบ 7 ปีปฏิทิน แต่จะใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี ส่วนกองทุน RMF จะไถ่ถอนได้เมื่อผู้ถือหน่วยลงทุนมีอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปีบริบูรณ์และมีการลงทุนมาไม่น้อยกว่า 5 ปี ก่อนขายคืน โดยยอดซื้อกองทุน RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และประกันบำนาญ รวมกันมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของรายได้ทั้งปี และต้องไม่เกิน 500,000 บาท

ทั้งหมดนี้ เป็นผลตอบแทนกองทุนรวมที่ผู้ลงทุนควรพิจารณาและประเมินให้รอบคอบ อย่างไรก็ตาม นอกจากปัจจัยดังกล่าวแล้ว ควรศึกษาเรื่องเงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และลักษณะของกองทุนให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนด้วย