แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - totheworld

หน้า: [1]
1

แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก หนึ่งในธุรกิจที่มีผู้สนใจเป็นเจ้าของ และได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าเจ้าของกิจการจะสามารถดำเนินธุรกิจ รวมถึงแผนการตลาดได้ในแบบของตน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันแบรนด์แฟรนไชส์ ซักผ้า เกิดขึ้นมากมายจึงอาจมีความคล้ายคลึงกันในหลายมิติ ดังนั้น วันนี้เราจะมาเผยสาระน่ารู้ให้ทุกคนทราบว่า ทำอย่างไรธุรกิจดังกล่าวจึงจะน่าสนใจ และแตกต่างกว่าแบรนด์อื่น ๆ ถ้าพร้อมแล้ว เราไปติดตามรายละเอียดกันเลย


- ทำธุรกิจเสริมบริเวณร้าน

หากหน้าร้านสะดวกซักของเรามีพื้นที่เหลือ การทำธุรกิจเสริมขนาดเล็กอาจสร้างความแตกต่างได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น การทำร้านขายชากาแฟ และเบเกอรี่ หรือขนมที่ซื้อรับประทานได้สะดวก ก็จะช่วยซัพพอร์ตลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านสะดวกซัก 24 ชม ได้อีกหนึ่งช่องทาง ซึ่งหากเป็นร้านประเภทนี้เจ้าของกิจการต้องไม่ลืมคำนึกถึงรสชาติ ความอร่อย เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้าของร้านเรา หรือร้านใกล้เคียงกลับมาซื้อซ้ำได้อีก

อย่างไรก็ตาม หากเราไม่มั่นใจเกี่ยวกับการขายสินค้าที่เป็นธุรกิจเสริมในลักษณะนี้ อาจเลือกใช้ตู้จำหน่ายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวแบบอัตโนมัติก็ได้เช่นกัน เพราะทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องการให้บริการด้วยตนเอง ปล่อยให้ระบบจัดการแบบ 100% ก็ดีไปอีกแบบ


- เพิ่มการประชาสัมพันธ์

การประชาสัมพันธ์ หรือโปรโมททางการตลาดให้กับแฟรนไชส์ ร้านสะดวกซักของเราอย่างต่อเนื่อง ก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ธุรกิจของเรามีความแตกต่างได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นวิธีการทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักในกลุ่มลูกค้ารายใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น โดยวิธีที่ได้รับความนิยมในการโปรโมท เพื่อให้กิจการแฟรนไชส์ ร้านซักผ้าหยอดเหรียญของเราเกิดการรับรู้ในวงการ ได้แก่ การใช้ช่องทางออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก หรือกูเกิล SEO นั่นเอง

ทั้งนี้ ช่องทางออนไลน์ดังกล่าวทำให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเห็นโฆษณาแฟรนไชส์ ซักผ้าของเราได้ทุกวัน และทุกเวลา ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า รวมถึงใช้จ่ายเงินในการโฆษณาของเราในแต่ละครั้ง ซึ่งนับว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเช่นกัน


- การทำที่จอดรถ

เชื่อหรือไม่ว่าโอกาสที่ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการแฟรนไชส์ ซักผ้าของเราอาจขึ้นอยู่กับพื้นที่จอดรถบริเวณร้านด้วยเช่นกัน เพราะปัจจัยดังกล่าวหมายถึงความสะดวกสบายที่ลูกค้าจะได้รับ หากไม่มีพื้นที่จอดรถก็อาจทำให้เกิดลูกค้าเปลี่ยนใจ ไม่ใช้บริการก็เป็นได้ ในทางตรงกันข้ามหากร้านของเรามีพื้นที่จอดรถสะดวกสบาย ไม่ต้องอาศัยหน้าร้านบริเวณใกล้เคียง ก็จะยิ่งดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น

   
สรุป

เคล็ดลับเหล่านี้จะทำให้แฟรนไชส์ร้านสะดวกซักของเราแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ก่อนเริ่มดำเนินการเจ้าของธุรกิจควรปรึกษาแบรนด์ต้นทางว่าสามารถทำสิ่งเหล่านี้กับแฟรนไชส์ ซักผ้าได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดกฎที่ระบุไว้ในสัญญานั่นเอง

2

การมีสะโพกที่กลมกลึงสวยงามได้นั้น นอกจากการออกกำลังกายด้วยท่าสควอทเป็นประจำแล้ว ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ นั่นคือการศัลยกรรมสะโพกนั่นเอง ซึ่งเทคนิคนี้ช่วยให้เรามีบั้นท้ายที่สวยงามและยังเป็นทางลัดสำหรับผู้ที่สนใจอีกด้วย

เกริ่นมาแบบนี้แล้ว เราจึงอยากขอพาทุกคนที่กำลังคิดว่าจะเสริมสะโพกที่ไหนดี ไปดูกันว่าการเสริมสะโพกนั้นมีกี่แบบ และเราจะมีวิธีดูแลตนเองหลังการผ่าตัดได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามไปดูกันเลย


เทคนิคการศัลยกรรมสะโพกในปัจจุบัน

1. เทคนิคฉีดไขมันเสริมสะโพก เป็นแนวทางที่ศัลยแพทย์จะนำไขมันส่วนเกินบริเวณต่าง ๆ ตามร่างกายคนไข้มาฉีดเข้าที่สะโพก ซึ่งเป็นเทคนิคสำหรับผู้ที่ค่อนข้างเจ้าเนื้อ และไม่เหมาะกับผู้ที่มีรูปร่างผอม เพราะมีไขมันที่จะใช้ไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม เทคนิคดังกล่าวจะมีผลข้างเคียงก็คือ ไขมันส่วนเกินที่ดูดจากตามร่างกายนั้นมีโอกาสสลายตัว และยังกำหนดรูปทรงได้ยากอีกด้วย

2. เทคนิคเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน เป็นวิธีที่สาว ๆ ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะทำให้เราได้สะโพกที่สวยอยู่ทรงนาน และซิลิโคนจะช่วยรองรับการกดทับในอิริยาบถชีวิตประจำวันของเราได้ดีกว่าการใช้ไขมันส่วนเกิน จึงทำให้เราปลอดภัยและรู้สึกมั่นใจในการเสริมสะโพกด้วยซิลิโคน


การดูแลตนเองหลังผ่าตัดสะโพก

1. หลังการเติมสะโพกคนไข้ควรนอนพักฟื้นและใส่สายระบายน้ำเหลืองและเลือดในแผลผ่าตัดที่โรงพยาบาลประมาณ 1 - 2 วัน จากนั้นให้พันด้วยผ้า Elastic Bandage ที่สะโพกหรือใส่กางเกงรัด เพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายตำแหน่งซิลิโคน

2. คนไข้ควรนอนตะแคงข้างเท่านั้นเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจึงสามารถเปลี่ยนอิริยาบถด้วยท่านั่งและนอนหงายได้ตามปกติ โดยที่ยังต้องใช้เบาะหรือหมอนนิ่ม ๆ รองนั่งควบคู่ไปก่อน

3. ช่วงพักฟื้นที่โรงพยาบาลหรือกลับมาบ้าน หากต้องเข้าห้องน้ำไม่ควรใช้สายชำระฉีด แต่ให้ใช้กระดาษทิชชู่แทนไปก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันแผลผ่าตัดเปียกชื้น

4. คนไข้ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ และงดสูบบุหรี่ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์

5. ช่วง 7 - 10 วันแรกคนไข้ควรพบศัลยแพทย์เพื่อตัดไหม จากนั้นประมาณ 10 วันจึงจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ รวมถึงการขับยานพาหนะต่าง ๆ

6. คนไข้สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ หลังผ่านการพักฟื้นเป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ โดยในระหว่างนี้ควรหลีกเลี่ยงการฉีดยาที่บริเวณสะโพก และหากมีอาการผิดปกติในช่วงดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที


สรุป

ก่อนเข้ารับการศัลยกรรมสะโพกด้วยเทคนิคการใช้ไขมันส่วนเกินและการใช้ซิลิโคน เราควรปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อประเมินรูปร่างเบื้องต้นก่อนเลือกวิธีในการเสริมสะโพกอย่างปลอดภัย นอกจากนี้เราควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการพักฟื้นหลังการผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เพื่อที่เราจะได้ผลลัพธ์หลังการศัลยกรรมที่มีประสิทธิภาพ

3

หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่ทุกบ้านจำเป็นต้องมีนั่นคือ ชุดโต๊ะอาหาร ที่สามารถรองรับทุกคนในครอบครัวได้ ซึ่งในปัจจุบันตัวโต๊ะและเก้าอี้มีดีไซน์ให้เลือกใช้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสไตล์วินเทจ มินิมอล โมเดิร์น และอื่น ๆ ตามที่คุณสนใจ แต่ถึงกระนั้น การจะได้โต๊ะอาหารที่เหมาะกับบ้านของคุณกลับไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง โดยในวันนี้เราก็มีทริคดี ๆ สำหรับเลือกชุดโต๊ะกินข้าวราคาถูกใจมาฝาก ซึ่งจะต้องสังเกตจากอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย !
 

ขนาดของชุดโต๊ะอาหารต้องแมทช์กับขนาดห้องกินข้าว
              
ก่อนเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดใหญ่อย่าง โต๊ะและเก้าอี้กินข้าว สิ่งแรกที่คุณควรทำคือวัดขนาดห้องก่อนเสมอ แล้วค่อยหาสิ่งของมาจำลองเป็นโต๊ะและเก้าอี้กินข้าว เพื่อจำลองดูว่าเรามีเนื้อที่ภายในห้องมากน้อยแค่ไหน โดยวิธีนี้จะช่วยให้คุณเลือกโต๊ะอาหารสำหรับห้องกินข้าว โมเดิร์น มินิมอล หรือวินเทจของคุณได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง
 

คำนึงถึงวัสดุที่ใช้ประกอบหน้าโต๊ะและขาโต๊ะ
              
ข้อแรกพยายามแมทช์เลือกโต๊ะกินข้าวที่มีหน้าและขาโต๊ะแมทช์กับเฟอร์นิเจอร์ชุดเก่าให้ได้มากที่สุด หรือกลับกันเลือกโต๊ะตัวที่ดูแปลกตา เพื่อให้ห้องอาหารดูมีความน่าตื่นเต้นและมีเอกลักษณ์มากขึ้น แต่สำหรับบ้านที่มีเนื้อที่ค่อนข้างจำกัดควรเลือกชุดโต๊ะอาหาร โมเดิร์น วินเทจ หรือมินิมอลที่ด้านบนเป็นกระจก ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้บ้านดูกว้างและไม่อึดอัดจนเกินไป


คำแนะนำในการเทียบขนาดของโต๊ะกินข้าวกับเนื้อที่ภายในห้อง

- บ้านที่มีพื้นที่ภายในห้องตั้งแต่ 50-150 ตารางวา มักเหมาะกับโต๊ะและเก้าอี้กินข้าวขนาด 4 ที่นั่ง

- โต๊ะอาหารแบบ 4 ที่นั่งขนาดเล็กสุด สามารถเลือกโต๊ะกว้าง 60 ซม. ยาว 1.8 ม. โดยใช้พื้นที่เพียง 1.80 ม. เท่ากับความยาวของโต๊ะกินข้าวได้อย่างลงตัว

- ชุดโต๊ะอาหารสำหรับ 10 ที่นั่ง จำเป็นต้องใช้พื้นที่ห้องประมาณ 5 x 5 ม. ในการจัดวางซึ่งจะช่วยให้บ้านแลดูสวยงามมากขึ้น

- ชุดโต๊ะอาหารสำหรับ 6 ที่นั่ง แนะนำให้จัดระหว่างห้องครัวกับห้องอาหารในพื้นที่ 108 ซม. เป็นอย่างต่ำ และมีเนื้อที่สำหรับเดิน 82 ซม. เพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่ใช้สอย ตลอดจนมีพื้นที่เพียงพอในการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ ร่วมด้วยนั่นเอง
 
              
ทั้งหมดที่ได้กล่าวมาคือ เทคนิคในการเลือกชุดโต๊ะอาหารให้เหมาะกับบ้านแต่ละหลัง ซึ่งมีเนื้อที่ภายในบ้านไม่เท่ากัน แต่ด้วยเทคนิคที่ได้กล่าวไปจะช่วยให้เราสามารถปรับพื้นที่ภายในบ้านกับชุดโต๊ะอาหารได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ห้องกินข้าวกลายเป็นมุมที่อบอุ่น ตลอดจนสามารถรองรับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้ในคราวเดียวกัน

4

เมื่อคนรุ่นใหม่ผันตัวมาปลูกพืชผักกันมากขึ้นจนกลายเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมก็ตาม สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับเทรนด์คือ เทคโนโลยีการเกษตรยุคใหม่ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก ทั้งยังเป็นการบริหารทรัพยากรต่าง ๆ เช่น น้ำ ปุ๋ย พื้นที่เพาะปลูก และแรงงานเกษตรกรให้มีคุณภาพมากขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น การมีอยู่ของเทคโนโลยีการเกษตรยุคใหม่จึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาภาคเกษตรกรรม ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้คืออะไร ทำไมถึงได้รับความนิยมกันอย่างต่อเนื่อง ในวันนี้เราจะมาหาคำตอบไปด้วยกัน
 

ทำความรู้จัก การเกษตรยุคใหม่ อนาคตแห่งภาคเกษตรกรรม
              
เนื่องจากเกษตรกรเริ่มเล็งเห็นความจำเป็นของเทคโนโลยีที่จะมาขับเคลื่อนกระบวนการผลิต และบริหารจัดการในส่วนต่าง ๆ ของภาคเกษตรกรรม จึงมีการพัฒนาต่อยอดแล้วนำมาใช้กับกิจกรรมการเพาะปลูก เพื่อให้ผลผลิตที่ได้ออกมามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้แอพเช็คราคาสินค้าเกษตร, หุ่นยนต์ตรวจหาพร้อมกับจำแนกผลผลิต, แอพการเกษตรที่ให้ข้อมูลในการกำจัดศัตรูพืช และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งด้วยความสะดวกสบายนี้เองจึงทำให้มีเกษตรกรสนใจนำเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาใช้งานในภาคเกษตรกรรมกันมากขึ้น
 

ทำไมเทคโนโลยีการเกษตรถึงได้รับความนิยม
              
เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการเพาะปลูกของเราได้ ทั้งยังช่วยลดต้นทุนการดูแลและจัดการงานต่าง ๆ ที่ต้องใช้เวลามากให้น้อยลงได้ ด้วยเหตุนี้เทคโนโลยีจึงกลายเป็นเทรนด์ที่เหล่าเกษตรกรยุคใหม่ไม่ควรมองข้ามไปเป็นอันขาด


การทำเกษตรร่วมกับใช้ Big Data
              
ไม่ใช่แค่นักธุรกิจที่ต้องพึ่งพาแหล่งข้อมูล เราชาวเกษตรกรก็จำเป็นต้องทำเทคโนโลยีด้าน Big Data ด้วยเหมือนกัน สำหรับใช้ในงานเก็บข้อมูลขณะทำการเพาะปลูกพืช ซึ่งเทรนด์นี้นับเป็นหัวใจหลักที่ช่วยด้านอุตสาหกรรมการเกษตรได้หลาย ๆ ด้าน เช่น

- ใช้แอปการเกษตรวิเคราะห์ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเพาะปลูก หรือวิเคราะห์หาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยดูจากสภาพดิน ปุ๋ย หรือแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อลดอัตราความเสียหายหรือขาดทุนที่ตามมาในภายหลัง

- ใช้จัดเก็บข้อมูลระหว่างการเพาะปลูก เพื่อรักษามาตรฐานการผลิตและมีข้อมูลสำหรับทำการตลาด
ใช้แอพพลิเคชั่นเกี่ยวกับการเกษตรสำหรับตั้งเซ็นเซอร์และวิเคราะห์ความเสื่อมสภาพล่วงหน้า
 
              
ก็จบไปแล้วกับความเป็นมาของเทคโนโลยีการเกษตร พร้อมกับตอบคำถามที่ว่าทำไมเทรนด์นี้ถึงได้รับความนิยมในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรกันอย่างล้นหลาม เนื่องด้วยความสะดวกสบายในการเพาะปลูก การรักษามาตรฐานของผลผลิต รวมไปถึงการเก็บข้อมูลไว้วิเคราะห์ในกรณีที่เกิดสถานการณ์อันไม่พึงประสงค์ ดังนั้น การมีเทคโนโลยีไว้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรจึงมีส่วนสำคัญ ที่ช่วยขับเคลื่อนผลผลิตให้ออกมามีประสิทธิภาพตรงตามความคาดหวังของเกษตรกรนั่นเอง

5

การที่ผมของคุณจะมีสุขภาพดีและแข็งแรงนั้น เราจำเป็นต้องต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แชมพูสระผมให้ตรงกับลักษณะของหนังศีรษะ โดยมีทั้งผมแห้งเสีย, ผมมัน, ผมหยิก รวมถึงผมตรงธรรมดา ซึ่งนับว่าเป็นงานยากเอาการ หากต้องมานั่งศึกษาและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์แต่ละตัว ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้รวบรวมวิธีเลือกแชมพูสระผมสำหรับเส้นผมแต่ละแบบมาไว้ ณ ที่นี้แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูกันเลย !!
 

ผมแห้งเสีย
              
สำหรับใครที่ทำสีผมหรือจัดแต่งผมโดยใช้ยาย้อมผมเป็นประจำ สารเคมีเหล่านี้จะทำปฏิกิริยากับความร้อนแล้วทำลายเส้นผมรวมไปถึงหนังศีรษะ ส่งผลให้ผมแห้งเสียไร้ความชุ่มชื้น ทว่าปัญหานี้สามารถแก้ได้ หากเปลี่ยนมาใช้ยาสระผมสูตรที่มีส่วนประสมของ เคราติน, อะมิโนเคราติน, เซราไมด์ และน้ำมันธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของเส้นผมและลดความเสียหายให้น้อยลง
 

ผมมัน
              
หากคุณเป็นคนที่ผมมันง่ายแนะนำให้มองหาแชมพูสูตรที่มี น้ำมันทรี, น้ำมันเปปเปอร์มินต์ และอโลเวร่าเป็นส่วนผสม เพื่อควบคุมความการผลิตไขมันบนหนังศีรษะ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงยาสระผมที่มีความชุ่มชื้นกับทำให้ผมลื่น รวมไปถึงเซรั่มและครีมนวดผมด้วย เนื่องจากจะเป็นการกระตุ้นการสร้างไขมันใต้ผิวหนังบนศีรษะมากยิ่งขึ้น
 

ผมหยิกหรือหยักศก
           
คนที่มีผมหยิกหรือหยักศกมาก ๆ มักจะจัดทรงลำบาก ดังนั้น คุณจึงจำเป็นต้องใช้ยาสระผมสูตรที่ให้ความชุ่มชื้นสูงจนผมลื่น โดยส่วนประสมภายในผลิตภัณฑ์จะประกอบไปด้วย น้ำมันสกัดจากธรรมชาติ, กรดลิโนเลอิก, น้ำผึ้ง, มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และสารเคลือบผม ซึ่งจะช่วยให้ผมหยิกหรือหยักศกไม่พันกัน รวมถึงป้องกันการแตกหักไปด้วยในตัว

 
ผมตรงธรรมดา
              
เรียกได้ว่าเป็นผมสุขภาพดีที่ไม่แห้ง มัน หรือหยิก หากแต่จะยืดตรงสลวย ซึ่งในกรณีเช่นนี้ก็อาจสร้างปัญหาขึ้นได้ด้วยเหมือนกัน เพราะการที่ผมยืดตรงมากจนเกินไปจะทำให้ดูไม่มีวอลลุ่มและดูคล้ายกับคนผมบาง โดยคนที่มีผมลักษณะนี้สามารถใช้แชมพูได้หลากหลายชนิดตามปัญหาที่พบ เช่น ถ้าเส้นผมมักขาดหรือร่วงจากหนังศีรษะบ่อย ๆ ก็ให้ใช้เป็นยาสระผม แก้ผมร่วง เป็นต้น
 
              
จากที่ได้กล่าวมาหวังว่าคุณจะเข้าใจวิธีเลือกแชมพูสระผมให้เหมาะกับลักษณะของเส้นผมแต่ละแบบ เนื่องจากหากใช้ผิดสูตรอาจส่งผลให้เส้นผมและหนังศีรษะเสียสุขภาพยิ่งไปกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้ เราทุกคนจึงควรสังเกตดูว่าผมของเราเป็นแบบไหน ก่อนที่จะเลือกใช้แชมพูตัวที่ตอบโจทย์กับปัญหาของเส้นผมต่อไปเป็นดีที่สุด

6

ห้องนอนที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง แน่นอนว่าภายในห้องจะต้องตระการตาไปด้วยเฟอร์นิเจอร์มากมายหลากชิ้น อาทิเช่น เตียงไม้ขนาดใหญ่ ตู้เสื้อผ้า โคมไฟ ชั้นวางของ ฯลฯ ทว่ายังเหลืออีกชิ้นหนึ่งที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญด้วยเช่นกัน นั่นคือ ตู้หัวเตียง เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เมื่อนำมาวางเคียงคู่กับเตียงนอน จะทำให้คุณที่จัดเก็บของภายในห้องนอนมากขึ้น อีกทั้งยังใช้เป็นฐานวางโคมไฟตั้งโต๊ะ แจกันดอกไม้ หรือกรอบรูปได้ด้วย ฉะนั้นในวันนี้เราจึงมี 4 เคล็ดลับการใช้ตู้วางหัวเตียงสำหรับตกแต่งห้องนอนมาแชร์กัน โดยจะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลย !
 

1.เรื่องของ “ความสูงและความลึก” ก็สำคัญ
              
ตามร้านขายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้องนอนวินเทจ โมเดิร์น หรือสไตล์ไหน ๆ คุณจะพบเจอกับตู้วางหัวเตียงที่ต่างกันทั้งด้านความสูง ความลึก และดีไซน์ โดยตู้ที่เหมาะจะนำมาใช้แต่งห้องนอนนั้น ควรมีขนาดที่สัมพันธ์กับเตียง กล่าวคือไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป รวมถึงความลึกต้องจำกัดอยู่ที่ 60 เซนติเมตร ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบจับสิ่งของที่อยู่ในลิ้นชักนั่นเอง
 

2.ขนาดของตู้ต้องตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์
              
บริเวณด้านบนตู้หัวเตียงมีเนื้อที่ที่คุณสามารถนำสิ่งของมาวางได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งแจกัน โคมไฟ รูปภาพ หรือแม้กระทั่งสิ่งของจำพวกนาฬิกาปลุก หนังสือ สมาร์ตโฟน และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทุกความต้องการโดยแท้จริง
 

3. แมทช์สีตู้วางหัวเตียงให้สัมพันธ์กับธีมห้องนอน
              
เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา โทนสีของเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนอนควรสร้างอารมณ์และบรรยากาศให้ไปในทิศทางเดียวกัน เช่น หากคุณตกแต่งห้องนอนสไตล์มินิมอล โดยใช้สีเอิร์ธโทนร่วมกับลวดลายไม้ของเตียงนอนวินเทจ ตัวโต๊ะวางหัวเตียงก็ควรจะมีเฉดสีน้ำตาลอ่อนหรือเข้มที่ประสมประสานกันอย่างลงตัว
              
นอกจากนี้หากพบว่าเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนอนอย่าง โต๊ะเครื่องแป้งวินเทจ ชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้าวินเทจ ฯลฯ ดูกลมกลืนมากไปจนแยกไม่ออก คุณสามารถนำของตกแต่ง เช่น พรม โคมไฟ หมอน หรือผ้าปูเตียง ที่มีสีต่างกันมาใช้ร่วมด้วยกันได้ตามความเหมาะสม


4.ถ้าตู้ไม่สะดวกเปลี่ยนเป็นโต๊ะบ้างก็ได้
              
สำหรับบางคนที่ไม่ชอบเปิด-ปิดลิ้นชัก คุณสามารถเลือกใช้เป็นโต๊ะข้างเตียงแทนตู้วางหัวเตียงได้ เนื่องจากประโยชน์ใช้สอยของเฟอร์นิเจอร์สองชิ้นนี้เหมือนกัน เพียงแต่โต๊ะวางข้างเตียงจะไม่มีลิ้นชัก ซึ่งช่วยให้คุณหยิบจับสิ่งของได้สะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก
 
              
อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าคุณคงจะเห็นความสำคัญของ “ตู้หัวเตียง” กันบ้างแล้ว โดยการจะเลือกใช้คุณต้องคำนึงถึงประโยชน์การใช้สอยผนวกกับดีไซน์ที่เข้ากับธีมห้องนอน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพลักษณ์ดูฉีกกรอบออกไปจากเดิม ซึ่งจะส่งผลต่ออารมณ์และบรรยากาศภายในห้อง ดังนั้นใครที่กำลังมองหาเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้องนอน ก็อย่าลืมว่ายังมี “ตู้หัวเตียง” เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจรอคุณอยู่ !!

หน้า: [1]