ผู้เขียน หัวข้อ: 4 ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการใช้บริการ IT Outsourcing  (อ่าน 216 ครั้ง)

miyeon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 153
    • ดูรายละเอียด
   เมื่อโลกของเราเข้าสู่ยุคที่งาน IT กลายเป็นงานที่มีบทบาทสำคัญ ธุรกิจจึงต้องเริ่มปรับตัวด้วยการว่าจ้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งบริการ IT Outsourcing ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นบริการที่มาพร้อมความยืดหยุ่น และช่วยอำนวยความสะดวกด้าน IT ได้มากขึ้น ซึ่งบทความนี้จะพาทุกคนมารู้จักกับปัจจัยที่ควรพิจารณาในการใช้บริการ IT Outsourcing เพื่อให้สามารถเลือกใช้บริการได้ตอบโจทย์ความต้องการและคุ้มค่ามากที่สุด ติดตามกันได้เลย


บริการ IT Outsourcing คืออะไร?

บริการ IT Outsourcing คือ บริการจ้างบุคคลภายนอกที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอที เข้ามาทำงานในบริษัท รูปแบบคล้ายการจ้างพนักงานแบบ Freelance แต่จะเน้นไปที่การทำงานเป็นโปรเจ็กต์ หรือ งานเฉพาะด้าน โดยไม่ต้องจ้างเป็นพนักงานประจำ

ข้อดีของการใช้บริการ IT Outsourcing
  • ประหยัดต้นทุน: ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานประจำ เช่น เงินเดือน ประกันสังคม สวัสดิการต่าง ๆ
  • ได้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญ: บริษัท IT Outsourcing มักมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขา
  • ความยืดหยุ่น: สามารถเลือกจ้างพนักงานตามจำนวนที่ต้องการ และระยะเวลาที่ต้องการ
  • โฟกัสงานหลัก: ช่วยให้บริษัทสามารถโฟกัสกับงานหลักของตัวเอง โดยไม่ต้องเสียเวลากับงานด้านไอที

ประเภทของ IT Outsourcing
  • Project-based: จ้างพนักงานเพื่อทำงานเฉพาะโปรเจ็กต์
  • Staff augmentation: จ้างพนักงานเพื่อเสริมทีมไอทีที่มีอยู่
  • Managed services: จ้างบริษัท IT Outsourcing ดูแลระบบไอทีทั้งหมดของบริษัท

4 ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกใช้บริการ IT Outsourcing
การใช้บริการ IT Outsourcing กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ธุรกิจหลายแห่งเลือกใช้บริการนี้เพื่อประหยัดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นในการทำงานด้านไอที
อย่างไรก็ตาม การจะเลือกใช้บริการ IT Outsourcing นั้น จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้บริการที่ตรงกับความต้องการ และคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนไป

1. ประเภทของงาน
งานเฉพาะทาง: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบความปลอดภัย
งานทั่วไป: เหมาะสำหรับงานที่ไม่ซับซ้อน เช่น การดูแลระบบเครือข่าย การดูแลระบบอีเมล์

2. ขนาดของงาน
งานขนาดเล็ก: เหมาะสำหรับงานที่สามารถเสร็จสิ้นได้ภายในระยะเวลาสั้น เช่น การออกแบบเว็บไซต์
งานขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้เวลาและทรัพยากรมาก เช่น การพัฒนาระบบ ERP

3. งบประมาณ
เปรียบเทียบราคา: เปรียบเทียบราคาจากบริษัท IT Outsourcing หลายแห่ง พิจารณาค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการติดตั้ง ค่าบำรุงรักษา
ประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน: พิจารณาว่าการใช้บริการ IT Outsourcing ช่วยให้ประหยัดต้นทุนหรือเพิ่มประสิทธิภาพได้หรือไม่

4. ความน่าเชื่อถือของบริษัท
ประสบการณ์: เลือกบริษัทที่มีประสบการณ์ในงานที่ต้องการ ตรวจสอบผลงานที่ผ่านมา
ความน่าเชื่อถือ: ตรวจสอบสถานะทางการเงินของบริษัท อ่านรีวิวจากลูกค้า

โดยสรุปแล้วการเลือกบริษัท IT Outsourcing ที่เหมาะสม จะช่วยให้ธุรกิจของคุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากบริการ IT Outsourcing ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ ควรศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบข้อเสนอ และเลือกบริษัทที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจมากที่สุด