ผู้เขียน หัวข้อ: ‘กลาก-เกลื้อน’ โรคผิวหนังใกล้ตัว และวิธีรักษาที่ควรรู้  (อ่าน 1054 ครั้ง)

miyeon

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 150
    • ดูรายละเอียด
   กลากและเกลื้อนเป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย เกิดจากเชื้อราที่เจริญเติบโตบนผิวหนัง ทำให้เกิดผื่นคัน สะเก็ด และรอยแดง โรคกลากและเกลื้อนสามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสกับผิวหนังที่เป็นโรคโดยตรง หรือสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อรา แล้วหากเป็นกลากหรือเกลื้อน จะมีวิธีการรักษาอย่างไร เรามีคำตอบมาบอกกันในบทความนี้


   กลาก เกลื้อนคืออะไร เหมือนหรือต่างกันไหม?
   กลากและเกลื้อนเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราชนิดเดียวกัน แต่มีลักษณะและอาการที่แตกต่างกันดังนี้
กลาก เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Dermatophytes ทำให้เกิดผื่นคัน สะเก็ด และรอยแดง มักพบตามบริเวณที่มีการเสียดสี เช่น ข้อพับ รักแร้ ขาหนีบ และบริเวณอวัยวะเพศ
เกลื้อน เกิดจากเชื้อรากลุ่ม Malassezia furfur ทำให้เกิดผื่นคัน สะเก็ด และรอยแดง มักพบตามบริเวณที่มีขน เช่น ศีรษะ หน้าอก แผ่นหลัง และบริเวณขา

   สาเหตุการเกิดโรคกลากเกลื้อน
- สภาพอากาศ เพราะเชื้อราเจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่อบอุ่นและชื้น
- การสัมผัสกับผิวหนังที่เป็นโรคโดยตรง เช่น การสัมผัสกับผื่นคันของผู้ป่วยกลาก เกลื้อน
- การสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อรา เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว เตียงนอน ฯลฯ
- ผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคเอดส์ ฯลฯ มีโอกาสเกิดโรคกลากเกลื้อนได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

   โรคกลากเกลื้อน รักษาได้อย่างไรบ้าง?
โรคกลากเกลื้อน สามารถรักษาได้หลายวิธี โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ดังนี้
กลุ่มที่อาการไม่รุนแรง
        สำหรับผู้ที่เป็นโรคกลากเกลื้อนแบบไม่รุนแรง สามารถใช้ยาทาต้านเชื้อรา เช่น ยา Clotrimazole, Miconazole, Terbinafine ทาบริเวณที่เป็นผื่น 2-3 ครั้งต่อวัน เป็นเวลา 2-4 สัปดาห์ ก็จะทุเลาลง
กลุ่มที่อาการรุนแรง
       หากมีอาการโรคกลากเกลื้อนรุนแรง แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการให้รับประทานยาต้านเชื้อรา เช่น ยา Itraconazole, Fluconazole โดยรับประทานเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ หรือตามการวินิจฉัยของแพทย์

   นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคกลากเกลื้อนยังสามารถรักษาตนเองเพื่อช่วยให้อาการดีขึ้นได้ ดังนี้
- รักษาความสะอาดของร่างกาย อาบน้ำชำระร่างกายเป็นประจำ เช็ดตัวให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีเหงื่อออก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผิวหนังที่เป็นโรค หากสัมผัสกับผิวหนังที่เป็นโรค ควรล้างมือให้สะอาดทันที
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อรา ทำความสะอาดเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว เตียงนอน ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอ
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

   สุดท้าย หากคุณพบผื่นคัน สะเก็ด หรือรอยแดงบริเวณผิวหนัง แล้วสงสัยว่าเป็นกลากเกลื้อนหรือไม่ อย่าใช้ยาทาต้านเชื้อราเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือผลข้างเคียงได้ แต่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปสู่ผิวหนังบริเวณอื่นหรือสู่ร่างกายของผู้อื่นนั่นเอง